หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิชา การพัฒนาอาชีพให้มีความเข้มแข็ง (อช21003) บทที่ 3 - บทที่ 4

บทที่  3
การจัดทำแผนพัฒนาการผลิตหรือการบริการ
สรุป
                คุณภาพ  หมายถึง  คุณลักษณะสินค้าหรือบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้
การผลิตสินค้าและบริการให้มีคุณภาพ ประกอบด้วย
                1.  การเอาใจใส่ในความต้องการของลูกค้า ลูกค้าต้องการอะไร แล้วจะสร้างสิ่งตอบสนองความต้องการนั้นให้เกิดกับสินค้าและบริการได้อย่างไร ซึ่งเป็นความคาดหวังของลูกค้า ได้แก่ ความสวยงาม
ความคงทน เป็นต้น
                2.  การใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการควบคุมคุณภาพในการบริหารการผลิตที่จะช่วยส่งเสริมให้บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพ ได้แก่การมีส่วนร่วมของพนักงานและต้องมีกระบวนการตรวจสอบในการผลิต เพื่อยืนยันว่าสินค้าและบริการยังมีคุณภาพที่ดี ซึ่งสามารถควบคุมได้ด้วยใบรับรองเป็นที่ยอมรับระดับสากล สินค้าและบริการที่มีชื่อเสียง เช่น เกณฑ์ ISO 9000 เป็นต้น
                แนวทางที่ดีต่อกระบวนการผลิต ดังนี้
                1.  ซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค
                2.  รักษาคุณภาพของผลผลิตให้คงที่ และปรับปรุงให้ดีขึ้น
                3.  ไม่ปลอมปนผลผลิต
                4.  ไม่เอารัดเอาเปรียบ
                5.  ไม่กักตุนผลผลิต
                6.  มีความรู้ ความชำนาญในงานอาชีพที่ดำเนินการเป็นอย่างดี
                7.  มีความรักและศรัทธาในงานอาชีพที่ดำเนินการ
                8.  มีความเชื่อมั่นในตัวเอง
                9.  มีความคิดริเริ่ม และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
                คุณภาพของการบริการ จึงเกิดขึ้นเมื่อผู้รับบริการได้สัมผัสหรือรับการบริการ ด้วยความพึงพอใจลักษณะคุณภาพการบริการที่ดีมี 7 ประการ คือ
                1.  การยิ้มแย้ม เอาใจใส่ เห็นอกเห็นใจต่อความลำบากยุ่งยากของลูกค้า
                2.  การตอบสนองต่อความประสงค์ของลูกค้าอย่างรวดเร็วทันใจ
                3.  การแสดงออกถึงความนับถือ ให้เกียรติลูกค้า
                4.  การบริการเป็นแบบสมัครใจและเต็มใจทำ
                5.  การแสดงออกถึงการรักษาภาพลักษณ์ของกาให้บริการ
                6.  การบริการเป็นไปด้วยกิริยาที่สุภาพ และมีมารยาทดี อ่อนน้อมถ่อมตน
                7.  การบริการมีความกระฉับกระเฉง กระตือรือร้น

การกำหนดคุณภาพสินค้าหรือบริการ
   การจำแนกคุณภาพสามารถจำแนกออกได้ เป็น 4 ชนิด
               1. คุณภาพบอกกล่าว (stated quality) หมายถึง คุณภาพที่กำหนดขึ้นระหว่างผู้ซื้อ (customer) และผู้ขาย (distributor) ผู้ซื้อ (ลูกค้า) จะเป็นผู้กำหนดว่าอยากจะได้สินค้าที่มีคุณภาพอย่างนั้นอย่างนี้
2. คุณภาพแท้จริง (real quality) หมายถึง คุณภาพในตัวผลิตภัณฑ์ที่เริ่มตั้งแต่ผลิต และนำผลิตภัณฑ์ไปใช้งานจนกระทั่งผลิตภัณฑ์หมดอายุลง ระดับคุณภาพแท้จริง จะมีคุณภาพสูงเพียงใดจะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของกระบวนการ
               3. คุณภาพที่โฆษณา (advertised quality) หมายถึง คุณลักษณะต่าง ๆ ของสินค้า ที่ผู้ผลิตเป็นผู้กำหนดเอง และก็โฆษณาทั่วไป
               4. คุณภาพจากประสบการณ์ที่ใช้ หมายถึง คุณภาพที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ของผู้ใช้สินค้าเอง
                การบริการ  จึงมีความแตกต่างจาก สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ อย่างมาก โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค
                ทุน  หมายถึง  เงินลงทุนในการดำเนินงานธุรกิจ เพื่อหวังผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจ ทุนถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการประกอบกิจการธุรกิจให้ดำเนินการงานไปอย่างมีประสิทธิภาพ
                ต้นทุนการผลิต  หมายถึง ค่าใช้จ่ายต่างๆที่ใช้ในการผลิตสินค้าและบริการตามจำนวนที่ต้องการ ต้นทุนการผลิตสามารถจำแนกออกได้หลายประเภทตามวัตถุประสงค์ที่นำไปใช้ ได้
ดังนี้ คือ
                1.  ทุนคงที่ หมายถึง เงินที่ผู้ประกอบธุรกิจจัดหามา
                2.  ทุนหมุนเวียน  หมายถึง  เงินที่ผู้ประกอบธุรกิจจัดหามา เพื่อใช้ในการดำเนินการจัดหาสินทรัพย์หมุนเวียน
ทุนหมุนเวียน สามารถแบ่งได้ 2 ลักษณะ ได้แก่
1)  ทุนหมุนเวียนที่เป็นเงินสด ได้แก่
(1)  ค่าวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ
(2)  ค่าจ้างแรงงาน
(3)  ค่าเช่าที่ดิน/สถานที่
(4)  ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 
2)  ทุนหมุนเวียนที่ไม่เป็นเงินสด
(1)  ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
(2)  ค่าเสียโอกาสของที่ดิน
                เป้าหมายการผลิตหรือการบริการ ผู้ประกอบการธุรกิจมุ่งที่จะไปให้ถึงเกิดผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ด้วยวิธีการต่างๆ เป้าหมาย จึงเป็นตัวบ่งชี้ปริมาณที่จะต้องผลิตหรือบริการให้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดด้วยความพึงพอใจของลูกค้า
                ปัจจัยที่ส่งผลให้ประสบความสำเร็จ ได้แก่
                1.  การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจน
                2.  เสริมสร้างส่วนประสมทางตลาด
                3.  คำนึงถึงสภาวะแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้
                4.  สามารถตอบคำถามในส่วนของลูกค้าต่อไปนี้
1)  ใครคือกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสำหรับผลผลิตที่ผลิตขึ้นหรือการบริการ
2)  ลูกค้าเป้าหมายดังกล่าวอยู่ ณ ที่ใด
3)  ในปัจจุบันลูกค้าเหล่านี้ซื้อผลผลิตหรือการบริการได้จากที่ใด
4)  ลูกค้าซื้อผลผลิตหรือการบริการบ่อยแค่ไหน
5)  อะไรคือสิ่งที่จูงใจที่ทำให้ลูกค้าเหล่านั้นตัดสินใจใช้บริการ
6)  ลูกค้าใช้อะไร หรือทำไมลูกค้าถึงใช้ผลผลิตหรือบริการของเรา
7)  ลูกค้าเหล่านั้นชอบหรือไม่ชอบผลผลิตหรือบริการอะไรที่เรามีอยู่บ้าง
     การกำหนดเป้าหมายการผลิตหรือบริการ

เริ่มจาก การวิเคราะห์ปัจจัยนำเข้า ซึ่งประกอบด้วย

-          วัตถุดิบ (Material)

-          เครื่องจักร (Machine)

-          กำลังคน (Man)

-          วิธีการทำงาน (Method)

                ขั้นตอนการกำหนดแผนกิจกรรมการผลิตหรือการบริการ มีดังนี้
                1.  ตรวจสอบตัวเองเพื่อให้รู้ถึงสถานภาพในปัจจุบันของงานอาชีพ เป็นการตรวจสอบข้อมูลธุรกิจของผู้ประกอบการธุรกิจเกี่ยวกับ แรงงาน เงินทุน เครื่องมือ/อุปกรณ์ วัตถุดิบ และสถานที่ว่ามีสภาพความพร้อมว่ามีปัญหาอย่างไร รวมถึง ผลผลิตหรือบริการของผู้ประกอบการธุรกิจว่ามีอะไรบกพร่องหรือไม่
                2.  สำรวจสภาพแวดล้อม เป็นการตรวจสอบข้อมูลภายนอก เกี่ยวกับ สภาพธุรกิจประเภทเดียวกันในชุมชน ความต้องการของลูกค้า
                การดำเนินงานตามขั้นตอนดังกล่าว เป็นการศึกษาข้อมูลเพื่อระบุถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและควรแก้ไขชัดเจน เจ้าของธุรกิจต้องตัดสินใจเพื่อพิจารณาหาทางเลือก เพื่อให้ได้ทางเลือกหลายทางสู่การปฏิบัติ
                3.  กำหนดทางเลือก หลังจากสามารถกำหนดสาเหตุของปัญหาได้แล้ว เพื่อให้การวางแผนมีความชัดเจน เจ้าของธุรกิจต้องตัดสินใจเพื่อพิจารณาหาทางเลือก เพื่อให้ได้ทางเลือกหลายทางสู่การปฏิบัติ
                4.  ประเมินทางเลือก เมื่อสามารถกำหนดทางเลือกได้หลากหลายแล้ว เพื่อให้ได้ทางเลือกสู่การปฏิบัติที่เหมาะสมที่สุดในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด เจ้าของธุรกิจต้องพิจารณาประเมินทางเลือกในแต่ละ
วิธีเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายให้ดีที่สุด
                5.  ตัดสินใจ เมื่อได้ทางเลือกหลายทางเลือก การตัดสินใจสามารถใช้หลัก 4 ประการในการตัดสินได้แก่ 1) ประสบการณ์ 2) การทดลอง 3) การวิจัยหรือการวิเคราะห์ และ 4) ตัดสินใจเลือก จากประสบการณ์ของตนเอง จากรายงานผลการทดลอง  ผลการวิจัยทางวิชาการ และการตัดสินใจด้วยตนเอง นำมาประกอบในการพิจารณาหรือใช้ข้อมูลส่วนหนึ่งในการตัดสินใจ
                6.  กำหนดวัตถุประสงค์ เป็นการกำหนดเป้าหมายของการดำเนินงานว่า ต้องให้เกิดอะไร
                7.  พยากรณ์สภาพการณ์ในอนาคต เป็นการคิดผลบรรลุล่วงหน้าว่า หากดำเนินการตามแผนกิจกรรมการผลิตหรือการบริการแล้ว ธุรกิจที่ดำเนินงานจะเกิดอะไรขึ้น
                8.  กำหนดแนวทางการปฏิบัติ เป็นการกำหนดรายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติว่าจะทำอย่างไร เมื่อไร เพื่อให้เกิดผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
กลยุทธ์ด้านการจัดการ
                การปรับปรุงระบบการจัดการภายในองค์กร จัดโครงสร้างการบริหารงาน กำหนดหน้าที่
ความรับผิดชอบแยกตามส่วนงาน โดยมีการรายงานตรงต่อผู้บริหารระดับสูง ซึ่งผู้บริหารระดับสูงจะเป็น
ผู้ประสานงานหน้าที่ต่างๆ ตามส่วนงาน และพิจารณาตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้าย
                การพัฒนาระบบการผลิตหรือการบริการในภาพรวม สามารถดำเนินการได้ดังนี้
                1.  ลักษณะการผลิตและการให้บริการ หมายถึง สภาพของแหล่งให้บริการที่ดี ที่ผู้ใช้บริการสามารถสัมผัสจับต้องได้
                2.  ความไว้วางใจ หมายถึง ความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือการบริการตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้อย่างตรงไปตรงมาและถูกต้อง
                3.  ควรกระตือรือร้น หมายถึง การแสดงความเต็มใจที่จะช่วยเหลือ และพร้อมที่จะให้บริการผู้ใช้บริการอย่างทันท่วงที
                4.  ความเชี่ยวชาญ หมายถึง ความรู้ ความสามารถ ในการปฏิบัติงานบริการที่รับผิดชอบอย่างมีประสิทธิภาพ
                5.  อัธยาศัยที่นอบน้อม หมายถึง ความมีมิตรไมตรี ความสุภาพนอบน้อมเป็นกันเอง
                6.  ให้เกียรติผู้อื่น จริงใจ มีน้ำใจ และความเป็นมิตรของผู้ปฏิบัติงานผลผลิตและบริการ
                7.  ความน่าเชื่อถือ หมายถึง  ความสามารถในด้านการสร้างความเชื่อมั่น ด้วยความซื่อสัตย์ของผู้ประกอบการ
                8.  ความปลอดภัย หมายถึง สภาพที่ปราศจากอันตราย ความเสี่ยงภัยและปัญหาต่าง ๆ
                9.  การเข้าถึงบริการ หมายถึง การติดต่อเพื่อการซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการ ด้วยความสะดวกไม่ยุ่งยาก
                10.  การติดต่อสื่อสาร หมายถึง ความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ และสื่อความหมายได้ชัดเจน ใช้ภาษาที่ง่าย และรับฟังความคิดเห็นของผู้รับบริการ
                11.  ความเข้าใจลูกค้า หมายถึง ความพยายามในการค้นหา และทำความเข้าใจกับความต้องการของผู้ใช้บริการ และให้ความสำคัญตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการโดยทันที

กิจกรรมท้ายบทที่  3 การจัดทำแผนพัฒนาการผลิตหรือการบริการ
                ให้นักศึกษาบรรยายข้อมูล เกี่ยวกับลักษณะงานอาชีพการผลิตหรือการบริการ ที่ผู้เรียนดำเนินการเองหรือที่มีอยู่ในชุมชนว่า งานอาชีพที่การผลิตหรือการบริการนั้น มีคุณภาพน่าพอใจอย่างไร

                ลักษณะงานอาชีพ .....................................................................................................................
           ประเภทของผลผลิตหรือการบริการ..........................................................................................
                ชื่อเจ้าของธุรกิจ..........................................................................................................................
                ที่ตั้งของธุรกิจ.............................................................................................................................
                คุณภาพของผลผลิตหรือการบริการที่ปรากฏ............................................................................
                ....................................................................................................................................................
                ....................................................................................................................................................
                ....................................................................................................................................................
                ....................................................................................................................................................
                ....................................................................................................................................................
                ความพึงพอใจที่ผู้เรียนมีต่องานอาชีพนี้ เพราะ...........................................................................
                ....................................................................................................................................................
                ....................................................................................................................................................
                ....................................................................................................................................................
                ....................................................................................................................................................
                ....................................................................................................................................................
                ....................................................................................................................................................








บทที่  4
การพัฒนาธุรกิจเชิงรุก
สรุป
                ธุรกิจเชิงรุก หมายถึง การบริหารจัดการธุรกิจแบบมีแบบแผน เป็นระบบการพัฒนางานที่ดีอำนวยประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการ สามารถวางแผนติดตามและควบคุมให้การดำเนินงานในทุกด้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                ธุรกิจเชิงรุก เป็นความพยายามที่จะหาวิธีการให้ได้เปรียบทางการแข่งขันทางธุรกิจ เป็นการพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค สินค้าได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ผู้บริโภคมีโอกาสเลือกซื้อสินค้าได้หลากหลาย ตามหลักการดังนี้
                1.  ธุรกิจในปัจจุบันไม่ได้แข่งขันเฉพาะภายในประเทศเท่านั้น ยังต้องแข่งขันกับธุรกิจต่างประเทศจึงควรขยายกิจการออกนอกประเทศมากขึ้น
                2.  ต้องดำเนินธุรกิจตลอด 24 ชั่วโมง
                3.  ใช้เทคโนโลยีและการลงทุนมากขึ้น
                4.  ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
                5.  เลือกทำเฉพาะธุรกิจหลัก
                6.  มีสำนักงานเคลื่อนที่เพิ่มมากขึ้น
            กลยุทธ์สงครามการตลาดเชิงรุก คือ กลยุทธ์ทางการตลาดเป้าหมายเพื่อบรรลุเป้าประสงค์บางอย่าง  โดยทั่วไปที่จะมี เป็นการชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจากคู่แข่งที่เป็นเป้าหมายนอกจากส่วนแบ่งการตลาดแล้ว    กลยุทธ์การตลาดเชิงรุกยังมีจุดมุ่งหมายที่จะให้ได้มา  ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก, กลุ่มตลาดระดับบนและกลุ่มลูกค้าที่มีความภักดีสูง
                การแทรกความนิยมเข้าสู่ความต้องการของผู้บริโภค นอกจากมีความรู้เบื้องต้นเรื่องของผลิตภัณฑ์ (Product) แล้วยังต้องมีกลยุทธ์การตลาดเข้ามากำหนดต้นทุนผลิตภัณฑ์ วิเคราะห์คู่แข่ง เพราะราคาเป็นส่วนผสมการตลาดที่ก่อให้เกิดรายได้ ถ้าราคาลดลงผลกำไรก็จะลดลงด้วย และราคายังเป็นตัวกำหนดตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากผู้บริโภคมักใช้ราคาเป็นตัวอ้างอิงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่คาดหวัง ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องนำปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาช่วยในการวางแผนกำหนดราคา ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ การกำหนดกลยุทธ์การตลาดให้กับผลิตภัณฑ์สรุปได้เป็น 6 ขั้นตอน ดังนี้
                1.  การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับราคา การใช้นโยบายราคาสินค้าในตลาดเนื่องจากผลิตภัณฑ์อยู่ในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ผู้ซื้อผู้ขายไม่สามรถสร้างความแตกต่างกันได้
                2.  การวิเคราะห์ความต้องการผลิตภัณฑ์ในตลาด การวิเคราะห์ตลาดเป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เพื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการของตลาด อันจะทำให้ผู้ผลิตสามารถผลิตสินค้าและบริการได้ตรงความต้องการของลูกค้าได้ตลอดเวลา และการวิเคราะห์ตลาดยังเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศได้เพราะผู้ผลิตและผู้บริโภคสามารถทราบข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน และคาดคะเนผลที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ทำให้มีการเตรียมแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องและถูกวิธีด้วย   
           3.  การประมาณต้นทุนของผลิตภัณฑ์  หมายถึง การวิเคราะห์ การให้ความเห็น การพยากรณ์ หรือการคาดหมายล่วงหน้า ดังนั้นการประมาณต้นทุนจึงเป็นการวิเคราะห์ หรือการให้ความเห็นเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในกระบวนการทำงานหรือกระบวนการผลิต ซึ่งอาจเป็นการทำผลิตภัณฑ์ การจัดทำโครงการ หรือการผลิตงานบริการ
                4.  การวิเคราะห์ราคาของคู่แข่ง  เป็นการตรวจสอบสิ่งที่คู่แข่งได้ทำในปัจจุบัน 
                5.  การเลือกวิธีกำหนดราคา  การกำหนดราคาโดยคำนึงถึงต้นทุนการผลิตและต้นทุนการตลาด
                6.  การเลือกราคาในขั้นสุดท้าย การกำหนดวัตถุประสงค์ในการกำหนดราคา  การพิจารณาอุปสงค์  การคาดคะเนต้นทุน  การวิเคราะห์ต้นทุน  ราคาผลิตภัณฑ์ของ คู่แข่งขันการเลือกวิธีการ กำหนดราคา และการตัดสินใจเลือกราคาขั้นสุดท้าย
                การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับราคา
                เมื่อเริ่มต้นในครั้งแรกที่จะกำหนดราคาให้ผลิตภัณฑ์นั้นเกี่ยวข้องอย่างมากกับการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น ผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้ามีรายได้สูง การกำหนดราคาก็จะสูงด้วย ถ้าผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าที่มีรายได้ปานกลาง ราคาสินค้าก็จะต้องถูกลงเพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้า เป้าหมาย สิ่งเหล่านี้ คือ นโยบาย โดยมีวัตถุประสงค์ 6 ประการ คือ
                1. การเผชิญกับสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรง
ผู้ประกอบการมีผลิตภัณฑ์เหลือเป็นจำนวนมาก ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงความต้องการในสินค้าประเภทนั้น ผู้ผลิตอาจใช้นโยบายการลดราคา
            2.  การทำให้ยอดขายในปัจจุบันสูงสุด
ผู้ประกอบการอาจมีนโยบายการตั้งราคา เพื่อทำให้ยอดขายสูงที่สุดแต่วิธีนี้อาจมี
ปัญหาตามมาได้เช่นกัน เพราะต้องประมาณการขายที่ต่างกัน การคาดการณ์อาจผิดพลาดได้ แต่วิธีการนี้อาจเป็นวิธีที่ทำให้เกิดกำไรสูงสุดในระยะยาวและประสบความสำเร็จในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้
                3.  การทำให้อัตราการเติบโตของยอดขายสูงที่สุด
ผู้ประกอบการมีความเชื่อว่าถ้าทำให้อัตราการเพิ่มยอดขายเติบโตสูงแล้วทำให้ต้นทุนต่อหน่วยถูกลง จะมีผลดีต่อกำไรในระยะยาวของกิจการ ผู้ที่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้มักจะตั้งราคาค่อนข้างต่ำ โดยมีความเชื่อว่าตลาดมีลักษณะอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงราคา  ถ้าราคาลดลงจะสามารถเพิ่มยอดขายได้มากการเลือกนโยบายราคาแบบนี้ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงว่าใช้ได้ดีนอกจากตลาดต้องมีลักษณะอ่อนไหวต่อราคาแล้ว ต้นทุนการผลิตยังต้องสามารถลดลงมาได้มากสอดคล้องกับยอดขายที่เพิ่มขึ้น และราคาที่ลดลง

                4.  การกำหนดราคาเพื่อให้ได้ลูกค้าเป้าหมายมากที่สุด
ในระยะเริ่มต้นผู้ประกอบการจะตั้งราคาสูงเพื่อเลือกกลุ่มลูกค้าชั้นดี ส่วนใหญ่มักจะเป็นสินค้าใหม่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงหรือวัสดุใหม่ ๆ ทั้งนี้ผู้ประกอบการจะต้องมองเห็นว่าการตั้งราคาที่สูงนั้นผลประโยชน์ในตัวสินค้าที่ลูกค้าต้องการมีมากกว่าผลประโยชน์ที่ได้รับจากสินค้าทดแทนจึงจะทำได้
                5.  การกำหนดราคาเพื่อให้ดูเป็นผู้นำด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ คือวิธีการตั้งราคาสูงกว่าคู่แข่งเล็กน้อย
                6.  การเลือกราคาในขั้นสุดท้าย เป็นการตั้งราคาช่วงที่ใกล้กับราคาขั้นสุดท้ายแล้ว แต่จะสรุปว่าเป็นราคาขั้นสุดท้ายหรือไม่ ต้องพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เพิ่มเติม
                การพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดไม่ได้หมายความว่าผลิตภัณฑ์นี้จะได้รับการตอบสนองจากลูกค้าเสมอไป ผู้ประกอบการควรวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดให้รอบคอบก่อนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
                1.  ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอ
                2.  ตลาดและลูกค้าไม่เพียงพอ
                3.  ออกแบบผลิตภัณฑ์ไม่ดี
                4.  ต้นทุนการผลิตสูง
                5.  มีตลาดคู่แข่งจำนวนมาก
                ผู้ประกอบการควรต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดและปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบพร้อมที่จะวางแผนจึงกำหนดวิธีการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
กลยุทธ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ มีข้อควรพิจารณา 3 ประการ คือ
                1.  ผลิตภัณฑ์ใหม่ ควรทำเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เกิดใหม่มากกว่าจัดทำเพื่อตอบสนองความก้าวหน้าทางการผลิต
                2.  ตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา
                3.  ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกมาต้องตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคพร้อมทั้งช่วยให้ผู้ประกอบการบรรลุผลสำเร็จด้วย
                ผลิตภัณฑ์เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ อาจเป็นสินค้าที่จับต้องได้ บริการที่จับต้องไม่ได้ หรือความคิดองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ได้แก่ ตัวผลิตภัณฑ์แทนคุณลักษณะเสริม และคุณประโยชน์ทางสัญลักษณ์ หรือประสบการณ์
รูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์ที่มีตัวตน หมายถึง ลักษณะทางกายภาพของสินค้าที่ผู้บริโภคสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 อันได้แก่
             2.1    ตราสินค้า (Brand )  เวลาเราซื้อสินค้านั้นตราสินค้ามีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคและผู้บริโภคมีความรู้สึกต่อตราสินค้าแต่ละตราไม่เท่ากัน                         
              2.2    บรรจุภัณฑ์ ( Packaging )  หลายครั้งที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าเพราะอยากได้บรรจุภัณฑ์มากกว่าตัวสินค้าก็มี  สินค้าบางตรามีการออกแบบบรรจุภัณฑ์เป็นอย่างดี  สีสัน  สดใส น่ารัก จนสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้     
       
กิจกรรมท้ายบทที่  4 การพัฒนาธุรกิจเชิงรุก
                ให้นักศึกษาค้นหาข้อมูลในห้องสมุดหรือแหล่งเรียนรู้ในชุมชนของท่านแล้วบันทึก วิธีการสร้างธุรกิจเชิงรุกให้เข้มแข็ง ในความคิดของท่านมานำเสนอในกลุ่ม
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น